[Fic/GOT7] Then and Now (BNior) - [Fic/GOT7] Then and Now (BNior) นิยาย [Fic/GOT7] Then and Now (BNior) : Dek-D.com - Writer

    [Fic/GOT7] Then and Now (BNior)

    นี่คือสิ่งสำคัญ ที่เรายังอยู่ด้วยกัน...

    ผู้เข้าชมรวม

    1,301

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    1.3K

    ความคิดเห็น


    18

    คนติดตาม


    40
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ก.พ. 58 / 01:47 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    SQWEEZ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      [Fic/GOT7] Then and Now
      pairing : Bnior 

      1000DaysWithJJProject

      *****


      ทีนี้ ก็มาถึงช่วงที่ทุกคนรอคอย” ชายหนุ่มในชุดทักซิโด้กวาดตามองไปทั่วห้องโถงสำรวจความสนใจของผู้ฟังแล้วยิ้มกว้าง  “ขอเชิญเจ้าบ่าวกับเจ้าสาว ขึ้นมาให้สัมภาษณ์บนเวทีเลยครับ”
      เสียงปรบมือดังกึกก้อง ขณะที่หญิงสาวดาวเด่นของงานในชุดขาวบริสุทธิ์เดินก้มหน้าด้วยความเขินมายืนข้างพิธีกร โดยมีชายหนุ่มที่จะเป็นคู่ชีวิตของเธอนับจากนี้ไปจับมืออยู่เคียงข้าง



      จินยองหยิบป๊อบคอร์นเข้าปากคำโต ขณะตาก็มองทีวีไปเรื่อยๆ เสียงเปิดประตูห้องน้ำไม่ได้ทำให้เขาเสียสมาธิหันไปมองแต่อย่างใด แต่สักพักก็มีร่างหนาๆของคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จมายืนบังจอโทรทัศน์เสียมิด
      ย่าห์... พี่แจบอม อย่าบังดิ”  ไม่พูดเปล่า ยื่นขาที่นั่งขัดสมาธิบนโซฟาไปเขี่ยคนตรงหน้าอีก อิมแจบอมดันเท้าน้องออกก่อนจะนั่งลงตรงพื้นหน้าโซฟา
      “เช็ดผมให้หน่อย” จินยองยู่ปากใส่คนที่มาขัดจังหวะดูทีวี ก่อนจะหันไปหยิบทิชชู่มาเช็ดมือแล้วรับผ้าจากอีกฝ่ายมาซับน้ำออกจากผมให้

       

       

      “เรารู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนครับ ผมเป็นพี่เขาสองปี ตอนนั้นเห็นว่าเขาน่ารักดีก็เลยแอบขอ msn จากเพื่อนมา”


      เสียงพูดของเจ้าบ่าวดึงให้คนทั้งคู่กลับไปสนใจหน้าจอทีวีอีกครั้ง
      “พี่ซูจินตอนนั้นสวยดีเนอะ” จินยองส่งเสียงอืมแสดงความเห็นด้วยกับคนพูด พี่ซูจินที่ว่าก็คือเจ้าสาวของงาน พี่สาวของเขา ดีวีดีงานแต่งอันนี้เขาไปพบเข้าตอนทำความสะอาดห้องช่วงปีใหม่ แต่เพิ่งจะมีโอกาสเอามาเปิดดู
      “ตอนนี้กลายเป็นป้าแม่บ้านเลี้ยงลูกไปละ” แจบอมขำอีกฝ่ายที่จิกกัดพี่ตัวเอง

      สัมผัสบนหัวที่ลงย้ำที่เดิมซ้ำๆทำให้แจบอมรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างหลังกำลังใช้ความคิด ถึงจะอยากรู้ว่าน้องคิดอะไรอยู่แต่คนเป็นพี่ไม่คิดจะเอ่ยปากถาม เพราะรู้ดีว่าถ้าอีกฝ่ายไม่เล่าออกมาก่อน ต่อให้ถามไปก็ใช่ว่าจะได้คำตอบมา

      “ถ้าโดนถามคำถามนี้นี่ตอบไม่ถูกเลยแฮะ” เสียงพูดจินยองเหมือนจะพึมพำ แต่แจบอมรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจให้ตัวเองได้ยินเช่นกัน คนโตกว่ายิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าน้องหมายถึงอะไร


      การพบกันครั้งแรกของเขากับจินยอง
      ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาเล่าออกสื่อให้คนฟังรู้สึกประทับใจหรอก


      ตอนนั้นจินยองเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีสอง ส่วนเขาเรียนจบแล้วเพิ่งได้งาน
      ก็แค่ไปกินเหล้าที่ผับเดียวกัน
      ก็แค่สบตากันแว่บเดียว
      ก็แค่น้องปลีกตัวจากกลุ่มเพื่อนมาชวนเขาคุย


      ก็แค่... ไปจบลงบนเตียงที่ห้องของเขา



      ไอ้เรื่องเจอกันเห็นหน้าแล้วตกหลุมรักอะไรมันไม่มีหรอก ก็แค่เห็นหน้าถูกใจคุยถูกคอแล้วก็ชวนขึ้นเตียงเท่านั้น

      แต่สภาพจินยองที่เพิ่งตื่นหัวฟูในตอนเช้าหลังจากคืนนั้นมันทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า... มันน่าเอ็นดูดี

      พอรู้ตัวอีกทีก็ขอเบอร์อีกฝ่ายมาแล้ว


       

      “ก็บอกไปตามตรงก็ได้นี่ ว่าผมชวนพี่เขาขึ้นเตียง... โอ้ย” พูดจบคนปากดีก็โดนน้องฟาดบ่าดังผัวะ
      “อย่าย้ำมากเด่ะ นี่ยังสงสัยตัวเองอยู่เลยว่าตอนนั้นใจกล้าขนาดนั้นได้ไง”
      “ฉันผิดเองที่ดูดีมากไป” แจบอมหันไปยักคิ้วหลิ่วตาร้องเพลงใส่น้องเลยโดนฟาดไปอีกดอกด้วยความหมั่นไส้ คนโตกว่าเบะปากเอามือลูบจุดที่โดนตีป้อยๆ  “ตีพี่ทำไม ตอนนั้นจินยองก็พูดเองไม่ใช่เหรอว่าเพราะพี่หล่อเลยมาชวนคุยอ่ะ”
      “ก็บอกแล้วไงว่าไฟมันมืดเลยมองว่าหล่อ ถ้าเห็นชัดๆว่าฟันหน้ายื่นเป็นแผงแบบนี้คงไม่เอาหรอก”
      “ปาร์คจินยอง
      !!


       

      จินยองหัวเราะร่า ขณะพยายามหนีอีกฝ่ายที่ลุกขึ้นโถมตัวมาจี้เอวเขา

      เรื่องอะไรจะยอมรับไปตรงๆล่ะ ว่าเป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูด



      เพราะหล่อดีเลยมาชวนคุย

      เพราะแค่อยากลองมีความสัมพันธ์แบบone night stand ดูสักครั้งในชีวิต แต่จะให้ไปเอาใครที่ไหนก็ได้ก็คงไม่ใช่

      ตอนนั้นเลยเลือกเอาจากคนที่หล่อที่สุดที่คิดว่าน่าจะเล่นด้วย

      แต่ตอนนั้นจินยองก็ไม่ทันคิด ว่าจากที่ตั้งใจให้เป็นความสัมพันธ์แค่คืนเดียวกลับลากยาวมานานขนาดนี้

      ต้องโทษอีกฝ่ายที่ปลุกเขาให้ลุกจากที่นอนในเช้าวันนั้น
      รอยยิ้มของอิมแจบอมมันสะท้อนแดดตอนเช้าจนสติเขาพร่าเลือนเลยเผลอให้เบอร์ไป




      ไม่ใช่เพราะเขามองว่ารอยยิ้มนั้นมีเสน่ห์เลยจริงๆ


       

       

      พี่เขาดูแลเราดีมาก จนสงสัยว่าเขาคิดอะไรกับเรารึเปล่า แต่ไม่อยากเข้าข้างตัวเองนัก ตอนที่รู้ว่าใจตรงกันนี่ดีใจจนเกือบร้องไห้เลยค่ะ” เจ้าสาวให้สัมภาษณ์แล้วเผลอน้ำตาไหลออกมาจริงๆ ร้อนถึงเจ้าบ่าวต้องเอาผ้าเช็ดหน้าไปช่วยซับน้ำตาให้

      จินยองอ้าปากรับป๊อบคอร์นที่คนข้างๆป้อนให้เป็นระยะ จำได้ว่าตอนในงานเผลอจะร้องไห้ตามพี่ไปด้วย แต่ตอนนี้พอมานั่งดูกลับรู้สึกขำแทน ปาร์คจินยองเหลือบมองคนข้างๆ ตอนเจอกันครั้งแรก เขาคิดว่าแจบอมคงเป็นเพลย์บอยที่คบกับใครได้ไม่นาน แต่หลังจากที่โทรคุยนัดเจอกันไปสักพัก เขาก็พบว่าแจบอมจริงจังกว่าที่คิด

      และขี้อายอย่างไม่น่าเชื่อ

      บนเตียง(?)ก็ดีอยู่หรอก แต่ออกข้างนอกกลับไม่กล้าแตะต้องเขาราวกับกลัวจะบุบสลายซะงั้น  ทำตัวสุภาพบุรุษใส่ซะจนจินยองอยากจะดีดนิ้วแล้วพูดใส่ว่า เฮ่ลโล้ว นี่ผมยังเป็นผู้ชายอยู่นะครับ จะทำอะไรก็ทำเถอะไม่เสียหายง่ายๆหรอก

       

      จะจับมือกันจินยองต้องเป็นฝ่ายยื่นมือไปหาก่อนแทบทุกครั้ง เอากะเขาสิ

      ถ้าไม่ติดว่าเทคแคร์ยอมตามใจเขาดี แม้จะเสีย(?)ไปแล้วก็เถอะ จินยองตัดสัมพันธ์ไปนานแล้ว ไม่ยอมคบมาจนถึงตอนนี้หรอก

      ว่าแต่ว่า...



      “พี่แจบอม”
      “หืม”
      “เราเป็นแฟนกันยังไงนะ”
      “.........”
      “.........”

      “.......... นั่นสินะ เราเป็นแฟนกันยังไงอ่ะ”
      “พี่
      !!

       

      จินยองร้องเสียงหลง เห็นอีกฝ่ายหันมาทำหน้าเหวอใส่แล้วอยากหัวเราะปนร้องไห้ขึ้นมาชะมัด

      “เฮ้ย! นี่เราไม่เคยตกลงเป็นแฟนกันจริงจังจริงๆเหรอ ผมก็ว่าทำไมผมจำอะไรไม่ค่อยได้เลย แล้วที่เราฉลองกันทุกปีนี่มันวันอะไร”

      “วันที่จินยองยอมย้ายเข้ามาอยู่กับพี่ไง”

       


      ร้องไห้ได้ป่ะ...

      อยู่ด้วยกันมาจนถ้าเป็นผู้หญิงป่านนี้ลูกเต็มบ้านไปละ แต่เพิ่งรู้สึกตัวว่าอีกฝ่ายไม่เคยขอเขาเป็นแฟนเลย

      จีบเขาก็เป็นคนจีบก่อน
      นี่เขาต้องเป็นฝ่ายเริ่มทุกอย่างก่อนมั้ย อิมแจบอม
      !


      คนโตกว่าเห็นน้องทำหน้าบึ้งแล้วอดยีหัวอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดูไม่ได้

      “จินยองรักพี่รึเปล่า”
      “เฮ้ย นี่โมโหอยู่นะ”
      “เอาน่า ตอบดิ”
      “ทำไมชอบถามอะไรที่รู้อยู่แล้ววะ”



      “ก็นั่นไง จินยองรักพี่ พี่ก็รักจินยอง ถ้าแฟนคือคนรักกัน จะตอนนี้หรือตอนไหนเราก็เป็นแฟนกันอยู่ดี ไม่ถูกเหรอ”



      เออ
      .
      .
      ยอมก็ได้

       


       

       “ทีนี้มาถึงคำถามสำคัญอีกคำถาม ทั้งสองคนเคยมีเรื่องทะเลาะกันใหญ่โตรึเปล่าครับ” พิธีกรยิ้มกริ่ม มองคู่บ่าวสาวที่เกี่ยงกันจะให้อีกฝ่ายตอบ ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะตัดสินใจเอาไมค์มาพูดเอง “มันก็มีบ้างค่ะ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เป็นธรรมดาของคนรักกัน ที่ต้องมีอุปสรรคเข้ามาพิสูจน์เป็นธรรมดา...”


      “ยูยะ...”

      “หืม...”

      “อิชิฮาระ ยูยะ”
      “.....”
      “.....”

      “ง่า..... ยังไม่ลืมอีกเหรอ”
      “ใครมันจะไปลืมลง” จินยองตีหน้าเศร้าจนคนเป็นพี่มาคว้าตัวเข้าไปกอด


      อันที่จริงจินยองก็ไม่ได้เศร้าขนาดนั้นหรอก เรื่องมันนานมาแล้ว
      แต่จะให้ลืมยังไงก็ทำไม่ได้จริงๆ


       

      ตอนนั้นจินยองกำลังหัวปั่นกับโครงงานเตรียมจบ ส่วนแจบอมก็ถูกบริษัทส่งไปดูงานที่ญี่ปุ่นเกือบเดือน
      แม้จะมีโทรทางไกลหากันบ้าง แต่จินยองเป็นพวกที่ถ้าสมาธิกำลังมาแล้วโดนกวนล่ะก็มีสิทธิ์ฟิวส์ขาดอาละวาดได้ง่ายๆ
      ทางฟากแจบอมกว่าจะคุยงานเสร็จก็ล่อไปเกือบเย็นของทุกวัน เพราะรู้ว่าน้องชอบปั่นงานตอนดึกๆเลยพยายามเลี่ยงไม่โทรไปคุย

      จากที่ห่างโดยสถานที่อยู่แล้ว กลายเป็นยิ่งห่างหนักเข้าไปอีก
      แล้ว 'อิชิฮาระ ยูยะ' ก็เข้ามา

      หนุ่มรูปร่างผอมบางหน้าตาดี อายุน้อยกว่าแจบอมหนึ่งปี คนที่บริษัทคู่ค้าส่งตัวมาเป็นพาร์ทเนอร์โปรเจกต์
      แจบอมดูออกแต่แรกว่าอีกฝ่ายสนใจเขา
      แต่เพราะยูยะไม่ได้แสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง ทำตัวเหมือนหนุ่มน้อยแอบรักรุ่นพี่เสียมากกว่า ทำให้เขาอดเอ็นดูอีกฝ่ายไม่ได้

      และเผลอนำไปเทียบกับจินยองในบางครั้ง

       

      จินยองเป็นพวกลมเพลมพัด แถมติดจะเอาแต่ใจ หากดีก็ดีใจหาย หากโมโหก็อาละวาดได้ง่ายๆ ดีที่ความเป็นผู้ใหญ่ของแจบอมช่วยให้น้องเริ่มจะใจเย็นลงในหลายๆครั้ง แต่เพราะ แต่ยูยะเป็นพวกว่าง่าย และด้วยความที่ทำงานด้านเดียวกันเลยคุยกันง่ายเข้าไปใหญ่

      ในบางวันที่เหนื่อยกับงานอยากคุยกับน้องแต่โดนอีกฝ่ายตัดสายทิ้ง ก็ได้ยูยะมาช่วยคุยเล่นให้หายเหนื่อยบ้าง


      แจบอมยอมรับ หากเขาขาดสติกว่านี้ เขาคงนอนกับเด็กนั่นไปแล้ว และไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแน่ๆ


      แจบอมกลับเกาหลีพร้อมๆกับที่โปรเจกต์จบของจินยองพรีเซนต์เสร็จพอดี ทุกอย่างเกือบจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ที่ใช้คำว่าเกือบเพราะแจบอมยังคงติดต่อกับยูยะอยู่

      หากจินยองไม่รู้ ก็คงไม่เป็นไร... แจบอมคิดแบบนั้น
      แต่ความลับไม่มีในโลก



      เขายังจำได้ ในวันนั้น... ทันทีที่กลับมาที่ห้องเพราะน้องโทรหาบอกว่ามีเรื่องด่วน ก็โดนอีกฝ่ายดึงคอเสื้อไปจูบแล้วทุกอย่างก็ไปจบลงที่โซฟา หลังจากที่สติเริ่มเข้าที่ แจบอมเอานิ้วเกลี่ยผมบนหน้าผากอีกฝ่ายที่นอนทับเขาอยู่  จินยองเอื้อมมือมาคว้ามือเขาไว้แล้วพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง

      “จะเลิกเอาแต่ใจ”
      “หืม...”
      “ผมบอกว่าจะเลิกเอาแต่ใจ จะไม่ดื้อด้วย ไม่หงุดหงิดแล้วอาละวาดใส่พี่ด้วย จะรับโทรศัพท์ทุกครั้งที่พี่โทรหา จะไม่งอแงเวลาพี่ชวนไปข้างนอกเวลาอากาศร้อนด้วย ผมจะยอมพี่ทุกอย่าง”
      “......”

      “...... อย่าทิ้งผมเลยนะฮะ”



      จินยองเคยบอกเขาไว้ ว่าหากวันใดเขานอกใจจินยองจะไม่ยื้อเขาไว้เด็ดขาด จะไม่ทำอะไรที่มันเสียศักดิ์ศรีแบบนั้น

      เขาทำให้น้องเสียคำพูด

      คืนนั้นหลังจากที่จินยองหลับไป แจบอมส่งข้อความไปบอกลายูยะ แล้วลบทุกอย่างที่เกี่ยวกับเด็กคนนั้นออกจนหมดทุกช่องทางการติดต่อ


       

      หลังจากนั้นจินยองก็พยายามทำอย่างที่พูดจริงๆ น้องกลายเป็นคนว่านอนสอนง่ายบอกให้ทำอะไรก็ทำไม่หือไม่อือ
      แต่คนที่เป็นฝ่ายทนไม่ได้ก่อนกลับกลายเป็นเขา

      สุดท้ายจนมาถึงทุกวันนี้ จินยองก็เป็นจินยองคนเดิม ยังคงความลมเพลมพัดอยู่ เพียงแต่ลดระดับลงเพราะตัวเองก็เริ่มมีวุฒิภาวะขึ้นด้วย 

       

      “เลิกกอดได้แล้ว ร้อน” จินยองดันตัวเขาออกแล้วคว้าชามป๊อบคอร์นเปล่าไปแช่ในครัว แจบอมมองน้องเดินกลับมาพร้อมไอติมรสมิ้นท์ของโปรดของเขาในมือ


      จะต่างจากเดิมก็ตรงที่จินยองเอาใจเขามากขึ้นล่ะมั้ง

       

      “ไหนบ่นว่าพี่เริ่มอ้วน แล้วที่เอามาขุนนี่คืออะไร”
      “กินๆไปเหอะน่า ช่วงนี้อากาศเย็น พี่ต้องตัวอุ่นๆให้ผมกอดสิ”

       

      มั้ง....นะ



       

       

      “ทุกคนคงซาบซึ้งกับเรื่องราวความรักของพวกเขามากันพอแล้วนะครับ ต่อไปก็เป็นอีกช่วงที่ทุกคนรอคอย... ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาว ทำพิธีตัดเค้กครับ”
      ทีวีถูกกดปิดก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจ แจบอมลุกตามน้องเอาถ้วยไปแช่ในครัวก่อนจะเดินตามคนที่รออยู่ไปแปรงฟันด้วยกัน

      “จินยองมาทาไนท์ครีมเร็ว เดี๋ยวตีนกาเพิ่ม” แจบอมเดินไปหยิบกระปุกครีมบนโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะหันไปบอกอีกฝ่ายที่พอออกจากห้องน้ำก็โดดขึ้นเตียงเลย เลยโดนคนเด็กกว่าปาหมอนใส่ให้เป็นรางวัล

      อดคิดไม่ได้เหมือนกันนะ ว่าอิมแจบอมปากร้ายขึ้นเพราะเขาน่ะ

      หลังจากนั่งนิ่งๆให้พี่ทาครีมให้จนเสร็จก็ทำท่าจะถลาไปที่เตียงอีกรอบ แต่กลับโดนคว้าข้อมือไว้ จินยองเลิกคิ้วใส่อีกฝ่ายเป็นเชิงถาม

      “รู้ตัวรึเปล่าว่าลืมอะไร”

      คำถามจากคนที่ขัดขวางเวลานอนของเขา ทำให้ต้องมายืนคิ้วขมวดมุ่น ลืมอะไรวะ... อาหารก็ห่อเข้าตู้เย็นแล้ว ห้องน้ำก็ขัดไปตั้งแต่บ่ายแล้ว ผ้าก็เอาออกจากเครื่องไปตากแล้ว ของที่เตรียมไว้จะเอาไปให้พ่อแม่พรุ่งนี้ก็เรียบร้อยแล้ว เค้าลืมอะไรอีก
      แจบอมยิ้มอย่างอ่อนใจเมื่อดูจากท่าทางคนตรงหน้าก็รู้ว่าต้องนึกไม่ออกแน่ๆ มือที่จับข้อมือซ้ายของอีกคนไว้ค่อยๆยกมืออีกฝ่ายขึ้นมาชูตรงหน้า

      “ทีนี้นึกออกยังว่าลืมอะไร”

      จินยองมองมือตัวเองก่อนตากลมโตจะเบิกโพลง รีบสะบัดแขนหลุดจากการเกาะกุมของพี่แล้ววิ่งไปในห้องน้ำเพื่อจะพบว่าหน้ากระจกตรงอ่างล้างหน้านอกจากแก้วใส่แปรงสีฟันกับยาสีฟันแล้วไม่มีอะไรวางอยู่

      แจบอมเห็นน้องทำท่าจะประสาทเสียแล้วส่ายหัว ก่อนจะไปดึงมืออีกฝ่ายกลับเข้ามาในห้องนอนอีกที

      “ง่า...พี่แจบอม” อยากจะเล่นละครดุน้องสักหน่อย แต่เห็นจินยองทำหน้าแบบรู้สึกผิดเต็มประดาแล้วก็ทำไม่ลง ก่อนจะปิ๊งไอเดีย ดึงอีกฝ่ายให้นั่งลงบนเตียง แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าคนเป็นน้องที่มองเขางงๆ

      “ปาร์คจินยอง” อาว์... เห็นอีกฝ่ายกระพริบตาด้วยความสงสัยใส่แล้วอยากจับมาฟัดจัง แจบอมกลั้นยิ้มก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงนอน



      Would  you marry me?


      แหวนเงินเกลี้ยงๆที่อีกฝ่ายถอดตอนอาบน้ำแล้วลืมทิ้งไว้ส่องประกายอยู่ในมือของเขา จินยองฉีกยิ้มด้วยความโล่งอกที่ของสำคัญไม่หายไปไหน

      “พี่อ่ะ แกล้งผม”

      “แกล้งอะไร แค่ถามว่าลืมอะไรรึเปล่าเท่านั้นเอง.. อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่องสิ ตอบก่อน”

      “เคยตอบไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

      “ปาร์ค จิน ยอง”



      จินยองหัวเราะร่าเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเซ็งที่เขาเริ่มทำเสียเรื่อง ก่อนจะชะโงกตัวไปจูบคนตรงหน้าเบาๆทีนึง

      “จะเมื่อห้าปีก่อน หรือตอนนี้ หรืออีกสิบปีผ่านไปคำตอบของผมก็เหมือนเดิมแหละน่า”

      แจบอมยิ้มกับคำตอบที่ไม่ค่อยจะตรงคำถามของน้อง แต่ก็รู้แหละว่านั่นเป็นวิธีแก้เขินของเจ้าตัว แจบอมสวมแหวนกลับเข้าไปยังนิ้วนางข้างซ้ายของคนตรงหน้า

      “พูดอีกทีได้มั้ยพี่อยากได้ยิน”

      “ไม่เอา”

      “น่านะ”

      “สวมแหวนไปแล้ว ไม่พูดแล้ว”

      “งั้นเอาคืน”

      “พี่อ่ะ
      !

      “.....”

      “.....”

      “.....”



      Yes, I do




      End.

      อยากลองเขียนคู่นี้ฟีลแบบ married couple มานานละ
      วันนี้เพลงสิ่งสำคัญลอยมาให้ได้ยินพอดี ประกอบกับตรงกับครบพันวันของเจเจโปรเจคต์พอดีด้วย
      เลยเค้นสุดชีวิตหยิบเอาเรื่องจริงผสมเรื่องแต่งปนๆกันไป

      แต่ก็ไม่ทันวันอยู่ดีมัวแต่เวิ่นเว้อ 55555555
      ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ไม่เผลอกดปิดเพราะความเบื่อไปก่อนนะคะ 

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×